เทคโนโลยีการเกษตร
โครงการพัฒนาสร้างเครื่องปอกและหั่นมะม่วงเบา(VEC64)
ในบ้านเรานั้นมะม่วงจัดเป็นผลไม้เศรษฐกิจซึ่งส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลกโดยสายพันธุ์หนึ่งที่แพร่หลายมากที่สุดในภาคใต้ของไทยและมีผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมากตลอดทั้งปีนั่นคือมะม่วงเบาซึ่งได้มีการนำมาแปรรูปเป็นผลไม้แช่อิ่มและมะม่วงดองซึ่งในกรรมวิธีการทำมะม่วงเบาแช่อิ่มนี้มีขั้นตอนของการเตรียมวัตถุดิบคือการปอกเปลือกและหั่นผ่าครึ่งก่อนที่จะนำไปแช่อิ่มโดยในขั้นตอนนี้ตามโรงงานอุตสาหกรรมอาหารต่าง ๆ หรือ ตามชุมชนทั่วไปที่เลือกที่จะทำมะม่วงแช่อิ่มด้วยตนเองจะอาศัยการใช้แรงงานคนในการปอกเปลือกมะม่วงซึ่งเวลาในการปอกและหั่นผ่าครึ่งแต่ละลูกก็ใช้เวลาพอสมควรหากเป็นมะม่วงดิบในช่วงเวลานี้อัตราค่าจ้างแรงงานก็เริ่มสูงขึ้นพร้อมกับในช่วงนี้ที่เศรษฐกิจไม่ดีผู้ประกอบการส่วนมากก็จะไม่ค่อยเลือกที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับตนเองตลอดจนเครื่องที่สามารถทำตามขั้นตอนดังกล่าวยังไม่มีการผลิตออกมาโดยตรงทั้งจากนอกและในประเทศดังนั้นด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้จึงคิดที่จะประดิษฐ์ต้นแบบอัตโนมัติที่มุ่งเน้นใช้ในครัวเรือนหรือโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กโดยมีราคาของเครื่องที่ไม่สูง
เครื่องระเหยเข้มข้นชนิดฟิล์มบาง รุ่น VPF-10/40 HT/CT
โครงการประกวดรางวัลเทคโนโลยียอดเยี่ยมเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ ประจำปี 2563
ชื่อผลงาน เครื่องระเหยเข้มข้นชนิดฟิล์มบาง รุ่น VPF-10/40 HT/CT
ผู้พัฒนา บริษัท ยูโร เบสท์ เทคโนโลยี จำกัด
ขนาดระเหยน้ำ 40 ลิตร/ชั่วโมง และชุดผลิตน้ำร้อนด้วยฮีทเตอร์และน้ำเย็นด้วยหอน้ำหล่อเย็น ใช้ระเหยน้ำออกจากของเหลวให้มีความเข้มข้นมากขึ้น โดยมีสารอาหารและรสชาติเหมือนเดิม ระเหยน้ำได้ 0-40 ลิตรต่อชั่วโมง ใช้อุณหภูมิต่ำ 50 - 60 องศาเซลเซียส ทำให้ของเหลวไม่โดนความร้อนมาก
เอกสารประกอบ
เครื่องเจาะและกัดร่องฝามะพร้าว
ใช้เจาะกัดร่องฝามะพร้าวพร้อมดื่ม ใช้เทคนิคในการกัดร่องฝามะพร้าวให้มีความลึกเท่ากัน แม้ผิวของกะโหลกมะพร้วไม่ได้เป็นทรงกลม โดยใช้สปริงดึงลงให้แนบบนผิวกะโหลก มีมอเตอร์ควบคุมการหมุน และมีระบบดูดฝุ่นที่เกิดจากการเจาะและกัดร่อง
เอกสารประกอบ
SS350 เครื่องเกี่ยวนวดข้าวและข้าวโพด
รถเกี่ยวขนาดกลาง มีขนาดเครื่องยนต์ 6 สูบ สามารถเกี่ยวได้ทั้งข้าวและข้าวโพด ใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนน้อย สามารถใช้ผู้ปฏิบัติงานเพียงคนเดียว มีท่อไซโลปรับระดับได้สูงและพับเก็บได้ ความสามารถในการทำงาน 3.2 – 5 ไร่ต่อชั่วโมง ทำงานที่ความลาดชันไม่เกิน 30 องศา สามารถลงนาหล่มหรือนามีน้ำได้
เอกสารประกอบ
โรงเรือนเลี้ยงไหมประสิทธิภาพสูงที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบควบคุมอัตโนมัติ RID63
ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตไหมและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีและมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของโลก มีแรงงานในอุตสาหกรรมจำนวนมากและในแต่ละปีมีการส่งออกไหมและผลิตภัณฑ์ได้มูลค่ามากกว่าพันล้านบาท และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลของกรมศุลการกร ประมวลผลโดยกลุ่มเศรษฐกิจการตลาด สำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ กรมหม่อนไหมพบว่า ปริมาณการนำเข้ารังไหม เส้นไหม ผ้าไหม และผลิตภัณฑ์ไหม (ม.ค.-ธ.ค.2556) เท่ากับ 7,420,109 ตัน หรือคิดเป็นมูลค่า 1,335,790,987บาท และปริมาณการส่งออกรังไหม เส้นไหม ผ้าไหม และผลิตภัณฑ์ไหม (ม.ค.-ธ.ค.2556) เท่ากับ 3,321,749 บาท หรือคิดเป็นมูลค่า 873,266,248 บาท โดยปริมาณการนำเข้ามากกว่าปริมาณการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 123.38 ซึ่งคิดเป็นปริมาณที่ค่อนข้างมาก อาจจะกล่าวได้ว่าขาดดุลการค้าค่อนข้างมาก หากพิจารณาปริมาณการผลิตไหมหัตถกรรม ปี 2556 ในประเทศไทย พบว่า จำนวนของเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมภายในประเทศทั้งหมด 69,157 ราย โดยคิดเป็นพื้นที่ปลูกหม่อนเท่ากับ 40,053 ไร่ และปริมาณเส้นไหมที่สามารถผลิตได้ทั้งประเทศเท่ากับ 290,883 กิโลกรัม ซึ่งปริมาณดังกล่าวยังไม่เพียงพอกับความต้องการของคนในประเทศ และต่างประเทศด้วยเช่นกัน และสำหรับข้อมูลปริมาณการผลิตไหมหัตถกรรม ปี 2556 ในจังหวัดสุรินทร์ จากข้อมูลของกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่า จังหวัดสุรินทร์ถือเป็นจังหวัดอันดับต้นของประเทศที่มีปริมาณการผลิตไหมหัตถกรรมค่อนข้างสูง มีปริมาณเส้นไหมที่ผลิตได้เท่ากับ 52,914 กิโลกรัม โดยมีจำนวนเกษตรกรทั้งจังหวัดเท่ากับ 10,198 รายในทุกอำเภอของจังหวัด และมีพื้นที่ในการปลูกหม่อนเท่ากับ 5,611 ไร่ โดยปริมาณเส้นไหมที่ผลิตได้คิดเป็นร้อยละ 18.19 ของปริมาณการผลินเส้นไหมได้ทั้งประเทศ
จากการลงสำรวจพื้นที่บ้านพญาราม หมู่ที่ 9 ตำบลเพี้ยราม อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งบ้านพญาราม ได้จัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมพญาราม และได้ส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ดังแสดงในรูปที่ 1 โดยมีนางโยธกา บุญมาก เป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยมีแรงบันดาลใจจากการที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงมีน้ำพระหฤทัยสนับสนุนกลุ่มทอผ้าทั่วทุกภาค จึงได้มีการจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขึ้นมาโดยมีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อนำเส้นไหมมาทอ เริ่มการทอผ้าไหมด้วยกี่กระทบแบบโบราณและเป็นแบบกี่กระตุกในปัจจุบัน ลวดลายดั้งเดิมโดยได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษ ซึ่งวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมพญาราม มีการรวมกลุ่มเกษตรกรและจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน ปัจจุบันมีสมาชิกรวมทั้งสิ้น 151 ราย มีหม่อนแปลงรวม จำนวน 110 ไร่ และแปลงรายเดี่ยว จำนวน 100 ไร่ รวมทั้งสิ้น 210 ไร่ ดำเนินกิจกรรมปลูกหม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้า แปรรูปผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหม ผลิตไข่ไหม ผลิตไหมวัยตัวอ่อนเพื่อจำหน่าย และผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ในการสาวไหมและทอสำหรับไว้ให้ชาวบ้านพร้อมทั้งสมาชิกในกลุ่มได้ใช้งาน
รูปที่ 1 โรงเรือนเลี้ยงตัวหนอนไหมและลักษณะการเลี้ยงไหมของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร
ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมพญารามบ้านพญาราม หมู่ที่ 9 ตำบลเพี้ยราม อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
ดังนั้นจากปัญหาที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ดังนั้นโครงการนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาโรงเรือนเลี้ยงตัวหนอนไหมประสิทธิภาพสูงที่มีการควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นภายในโรงเรือนที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงไหมทั้ง 5 วัย และเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของตัวหนอนไหมในฤดูกาลที่มีอุณหภูมิสูง เปรียบเทียบกับโรงเลี้ยงไหมที่มีการใช้อยู่เดิม ส่งผลทำให้ปริมาณการผลิตเส้นไหมและผ้าไหมของโรงงานเพิ่มสูงมากขึ้น ก่อให้เกิดผลกำไรเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ระบบควบคุมบรรยากาศเพื่อรักษาคุณภาพข้าวและกำจัดมอดสำหรับไซโลเก็บข้าว ควบคุมด้วยระบบ IoT (Internet of Thing) VCE63
การเก็บรักษาคุณภาพข้าวด้วยไซโลเป็นวิธีที่ส าคัญอย่างหนึ่งส าหรับการกักเก็บข้าวไว้ในระยะยาว เพื่อลดความชื้น ลดปริมาณข้าวที่มีคุณภาพต่ าอันเป็นกลไกที่ใช้ในการพยุงราคาข้าวและตลาดส่งออกข้าวระหว่างประเทศ ซึ่งมักมีปัญหาประกอบด้วย ความร้อนจากภายในตัวข้าวสภาวะอากาศภายนอกไม่คงที่ ควบคุมได้ยาก ระดับออกซิเจนทั้งนี้ได้มีวิธีรับมือกับปัญหาดังกล่าวเช่นการรักษาระดับออกซิเจน ควบคุมอุณหภูมิเพื่อลดการเกิดความร้อนแต่จ าเป็นต้องจ้างบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะทางในด้านเทคโนโลยีนั้นๆ ส าหรับควบคุม และบันทึกข้อมูลท าให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายสูกว่า การเก็บแบบในยุ้งฉาง โกดัง และคลังสินค้า แต่มีการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยวน้อยกว่า ทางบริษัท อินเตอร์โกรฯ เห็นถึงปัญหาดังกล่าวที่ดูยุ่งยากมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและอาจเป็นเหตุให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการควบคุมดูแลรวมถึงระดับอุณหภูมิและความชื้นไม่คงที่ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูลและส่งผลเสียต่อคุณภาพข้าวเราจึงพัฒนาสร้างระบบควบคุมบรรยากาศเพื่อรักษาคุณภาพข้าวและก าจัดมอดในไซโลโดยควบคุมและติดตามคุณภาพ ผ่านระบบ IoT(Internet of Things) เป็นการท างานแบบอัตโนมัติ มีชุดค าสั่งการท างานที่ควบคุมง่าย เข้าใจง่าย ไม่จ าเป็นต้องสิ้นเปลืองจ้างบุคลากรเฉพาะทางอีกต่อไป
อุปกรณ์ตัดสับปะรดในไร่
รางวัลชมเชย เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมประกาศเกียรติคุณ
วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี
นายชาญชัย แฮวอู
084-246-9909
เอกสารประกอบ
เครื่องเกี่ยวนวดข้าว
รางวัลที่ 3
สาขาการเกษตรและเกษตรแปลรูป
การประกวดรางวัลเทคโนโลยียอดเยี่ยมด้านเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ประจำปีงบประมาณ 2562
ติดต่อ บริษัท ศักดิ์พัฒนาการเกษตร จำกัด 092-894-1446
เอกสารประกอบ
ชุดเครื่องมือเขย่าเกสรและผสมเกสรพันธุ์พืชเพื่อการผลิตเมล็ดพันธุ์
ผู้พัฒนา
เอกสารประกอบ
เครื่องลำเลียงสับปะรดและพ่นสารชีวภัณฑ์
ผู้พัฒนา