อาหารแปรรูป

อาหารแปรรูป

เครื่องผลิตซอสพริกระบบตัวกลางส่งผ่านความร้อน(RID64)

พฤ, 08/04/2021 - 14:24 — bunsita
รายละเอียด: 

พริกเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญและเป็นรายได้หลักของเกษตรกรในพื้นที่ อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 1,500 ไร่ มีเกษตรกรที่เพาะปลูกพริกจำนวน 485 ราย มีผลผลิตเฉลี่ย 3,800 กิโลกรัม/ไร่ ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 23,000 บาท/ไร่ ซึ่งเกษตรกรที่ปลูกพริกจะประสบปัญหาโรคและแมลง และปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำ เนื่องจากมีปริมาณพริกในฤดูกาลผลิตออกสู่ตลาดในปริมาณมาก พ่อค้าคนกลาง เป็นผู้กำหนดราคาซื้อ ซึ่งทำให้เกษตรกรต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าทุน จึงจำเป็นต้องเพิ่มศักยภาพของกลุ่มเกษตรกร ผู้ปลูกพริก ให้มีความสามารถในการผลิตและความสามารถในการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น เพื่อทางกลุ่มสมาชิกสามารถเก็บไว้ขายในช่วงฤดูกาลที่มีพริกสดออกสู่ตลาดปริมาณน้อย ความต้องการบริโภคพริกในประเทศยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อมีปริมาณพริกในตลาดลดลง ราคาพริกก็จะสูงขึ้น เกษตรกรจึงได้รวมกลุ่มกัน ภายใต้การส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ และจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหนองม่วงไข่ เพื่อร่วมกันพัฒนากลุ่มองค์กรเกษตรกรผู้ปลูกพริกและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การแปรรูปพริก เพื่อสร้างรายได้ให้กับกลุ่มเกษตรกร เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

แต่ในปัจจุบันทางกลุ่มสามารถผลิตพริกแปรรูปได้แก่ พริกดอง น้ำจิ้มไก่ น้ำพริกตาแดง ซอสพริก  เป็นต้น แต่ในกระบวนการผลิตใช้หลักภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มีกำลังผลิตที่ไม่มาก ซึ่งเหล่ากระบวนการผลิตถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น เช่น การต้ม ลวก นึ่ง ตากแห้ง การรมควันไฟ เป็นต้น ซึ่งปัจุจับันทางกลุ่มมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรในกระบวนการผลิต เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหาด้านกำลังผลิต และปัญหาการขาดแรงงาน หากทางกลุ่มได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี และการสนับสนุนด้านเครื่องจักร อุปกรณ์ก็จะสามารถทำให้กลุ่มสมาชิกมีรายได้หล่อเลี้ยงครอบครัว และพัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกกลุ่มเกษตรในพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้

งบปี พ.ศ.: 
2564
ภาพประกอบ: 
เครื่องผลิตซอสพริกระบบตัวกลางส่งผ่านความร้อน(RID64)
เครื่องผลิตซอสพริกระบบตัวกลางส่งผ่านความร้อน(RID64)
    แคตตาล็อกเทคโนโลยี
    ระดับ: 
    ต้นแบบเชิงพาณิชย์ / อุตสาหกรรม
    กลุ่มเป้าหมาย: 
    วิสาหกิจชุมชน
    ภาพหน้าปก: 

    เครื่องทำปลาส้มชนิดแผ่นกลมกึ่งอัตโนมัติ(RID64)

    พฤ, 08/04/2021 - 13:38 — bunsita
    รายละเอียด: 

    วิสาหกิจชุมชนแปรรูปปลาบ้านห้วยบง จดจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2549  รหัสทะเบียน 4-39-03-06/1-0007 มีจำนวนสมาชิก 20 คน ทำการแปรรูปปลาส้ม และปลาส้มชนิดแผ่นกลม โดยมีกำลังการผลิตปลาส้ม 100 กิโลกรัมต่อวัน ราคาขาย 120 บาท ต่อกิโลกรัม รายได้ขายปลาส้ม  360,000บาทต่อเดือน และปลาส้มชนิดแผ่นกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง ขนาด 60 มม. ความหนา 10 มม. จำนวน 300 กิโลกรัมต่อวัน ราคาขาย 120 บาทต่อกิโลกรัม รายได้ขายปลาส้มชนิดแผ่นกลม 1,080,000 บาทต่อเดือน ส้มไข่ปลา จำนวน 60 กิโลกรัมต่อวัน ราคาขาย 120 บาทต่อกิโลกรัม รายได้ขายส้มไข่ปลา 216,000 บาทต่อเดือน ส้มขี้ปลา จำนวน 60 กิโลกรัมต่อวัน ราคาขาย 40 บาทต่อกิโลกรัม รายได้ขายส้มขี้ปลา 72,000 บาทต่อเดือน   ยอดจำน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปปลาบ้านห้วยบง 1,728,000 บาทต่อเดือน จากการลงพื้นที่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปปลาบ้านห้วยบง มีความต้องการในการเพิ่มกำลังการผลิตปลาส้มชนิดแผ่นกลม และ พัฒนากระบวนการผลิตปลาส้มชนิดแผ่นกลมให้มีมาตรฐานให้มากขึ้น ปัญหาในกระบวนการผลิตปลาส้มชนิดแผ่นกลม ในกระบวนการปั้นปลาส้มชนิดแผ่นกลมด้วยมือ กำลังการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า อีกทั้งกระบวนการผลิตยังใช้มือในการทำแผ่นกลมทำใช้กระบวนการผลิตไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงมีการทางกลุ่มมีความต้องการเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอ ดังนั้นทีมนักวิจัยจึงมีแนวคิดในการออกแบบและพัฒนาเครื่องทำปลาส้มชนิดแผ่นกลมกึ่งอัตโนมัติ โดยเครื่องจักรที่ได้ออกแบบและพัฒนาช่วยในกระบวนการผลิตสามารถทำปลาส้มชนิดแผ่นกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง ขนาด 60 มม. ความหนา 10 มม. ได้จากเดิม 300 กิโลกรัมต่อวัน เป็น 600 กิโลกรัมต่อวัน สามารถเพิ่มกำลังกระบวนการผลิตปลาส้มชนิดแผ่นกลมให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ลดจำนวนพนักงานในกระบวนการปั้นปลาส้มแผ่นด้วยมือจาก 3 คน เหลือ 1 คน ปรับเปลี่ยนจากการปั้นแผ่นกลมด้วยมือมาเป็นเครื่องจักรทำให้กระบวนการมีมาตรฐานมากขึ้น เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างเครื่องจักร เครื่องมือและอุปกรณ์ ในภาคการผลิตระดับชุมชนให้มีสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานหรือผู้ประกอบการในระดับชุมชน

     

    งบปี พ.ศ.: 
    2564
    ภาพประกอบ: 
    เครื่องทำปลาส้มชนิดแผ่นกลมกึ่งอัตโนมัติ(RID64)
      แคตตาล็อกเทคโนโลยี
      ระดับ: 
      ต้นแบบเชิงพาณิชย์ / อุตสาหกรรม
      กลุ่มเป้าหมาย: 
      วิสาหกิจชุมชน
      ภาพหน้าปก: 

      ตู้อบและรมควันปลาเม็งระบบอัตโนมัติ(RID64)

      พฤ, 08/04/2021 - 11:39 — bunsita
      รายละเอียด: 

      “ปลาเม็ง” ภาคกลางเรียกว่า ปลาจีด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Heteropneustes fossilis (Bloch) เป็นปลาน้ำจืดที่ชนิดไม่มีเกล็ด ลำตัวมีสีดำ คล้ายกับปลาดุก แต่จะแตกต่างกันตรงที่ความยาวของฐานครีบหลังปลาเม็งเป็นปลาที่มี อวัยวะพิเศษสำหรับช่วยในการหายใจ จึงสามารถอาศัยในแหล่งน้ำที่มีออกซิเจนต่ำ ขนาดที่พบโดยทั่วไปจะมีความยาว ประมาณ 20 เซนติเมตร และมีรายงานว่าเคยพบขนาดความยาวสูงสุดถึง 30 เซนติเมตร เป็นปลาที่ค่อนข้างหายากและมีแนวโน้มที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์  มีการแพร่กระจายและถิ่นที่อยู่อาศัยตามแม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึง ทั่วไป ในประเทศอินเดีย ศรีลังกา พม่า ไทย และอินโดจีน ในปัจจุบันเฉพาะภาคใต้พบมากที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลาเม็งจัดเป็นปลาที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งและถือเป็นปลาประจำท้องถิ่นของจังหวัดสุราษฎร์ธานี  ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะในอำเภอบ้านนาเดิม บ้านนาสาร พระแสงและเคียนซา นิยมเลี้ยงกันมากในพื้นที่ริมแม่น้ำตาปีและร่องปาล์มน้ำมัน ปลาเม็งนับวันจะหายากหรือมีปริมาณลดน้อยถอยลง เพราะปลาที่เลี้ยงนั้น ส่วนมากจะได้ลูกพันธุ์ปลาเม็งจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่แหล่งน้ำธรรมชาติอันเป็นที่ อยู่อาศัยของสัตว์น้ำต่างๆ ก็เสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ ในปัจจุบัน ปลาเม็งในแหล่งน้ำธรรมชาติได้ถูกจับด้วยวิธีทำการประมงต่าง ๆ เพื่อสนองต่อความต้องการ ของตลาด ร้านอาหารและโรงแรมต่างๆ เป็นผลทำให้ปลาเม็งในแหล่งน้ำธรรมชาติลดจำนวนอย่างรวดเร็ว

      เพราะปลาเม็งเป็นปลาที่มีรสชาติดี มีลักษณะเฉพาะที่มีเนื้อเหนียวเป็นเส้น ไม่เปื่อยยุ่ย และมีรสชาติหอมหวาน ทำให้ปัจจุบันเป็นที่ต้องการของตลาดนักกินเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะยำปลาเม็ง และต้มโคล้งปลาเม็ง อาหารขึ้นชื่อของ จ.สุราษฎร์ธานี โดยราคาปลาเม็งสดมีราคา กิโลกรัมละ 400-600  บาท และหากแปรรูปเป็นปลาเม็งตากแห้ง ปลารมควันจะทำให้ มีราคาประมาณ 2,400-3,500 บาทต่อกิโลกรัม โดยเมื่อนำมาทำอาหารเช่น ยำปลาเม็งตามภาพที่ 2 ซึ่งใช้เนื้อปลาเม็งเพียง 1 ขีดขายในราคา 400 บาท  โดยกระบวนการแปรรูปปลาเม็งสดเป็นปลาเม็งตากแห้ง ปลารมควันดั้งเดิม มีกระบวนการโดยการนำมาปลาเม็งสด มาใส่เกลือเพื่อให้ปลาตาย หลังจากนั้นนำมาเสียบไม้นำไปตากแดด และนำไปรมควันบนตระแกรงเหล็กโดยใช้เชื้อเพลิงจากเปลือกกะลามะพร้าวหรือไม้ยางพารา

       

      งบปี พ.ศ.: 
      2564
      ภาพประกอบ: 
      ตู้อบและรมควันปลาเม็งระบบอัตโนมัติ(RID64)
        แคตตาล็อกเทคโนโลยี
        ระดับ: 
        ต้นแบบเชิงพาณิชย์ / อุตสาหกรรม
        กลุ่มเป้าหมาย: 
        วิสาหกิจชุมชน
        ภาพหน้าปก: 

        เครื่องตากแห้งกะปิแบบโรตารี่ใช้พลังงานความร้อนร่วมระบบกึ่งอัตโนมัติ(RID64)

        พฤ, 08/04/2021 - 10:45 — bunsita
        รายละเอียด: 

        จากสภาพและปัญหาดังกล่าวหากได้มีการสร้างเครื่องจักร เครื่องมือ หรืออุปกรณ์เพื่อใช้แก้ปัญหาในการประกอบอาชีพของชุมชนได้ตามความต้องการของชุมชนและตามชนิดของการผลิตผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดก็จะเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพและสร้างรายได้ทำให้อยู่ดีกินดี เศรษฐกิจทั้งในระดับชุมชน ระดับประเทศก็จะดีตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นทางคณะผู้วิจัยจึงได้มีแนวคิดในการพัฒนาต้นแบบเครื่องจักร เครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อการผลิตระดับชุมชนให้กับกลุ่มเกษตรกรแปรรูปอาหารทะเลตำบลท่าเคย ต.ท่าเคย อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ได้แก่ เครื่องตากแห้งกะปิแบบโรตารี่ใช้พลังงานความร้อนร่วมระบบกึ่งอัตโนมัติ สำหรับเป็นต้นแบบในการผลิตกะปิเพื่อการจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีคุณภาพและสามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีแม้สภาพภูมิอากาศไม่อำนวย โดยเฉพาะเครื่องจักรที่ผลิตขึ้นสามารถนำไปแก้ปัญหาในกระบวนการผลิตขั้นตอนที่ 1 ในการตากกุ้งเคย และกระบวนการผลิตขั้นตอนที่ 3 ในการตากแห้งกะปิสดซึ่งถือเป็นกระบวนการผลิตที่สำคัญที่สุดที่จะส่งผลต่อทั้งคุณภาพและรายได้ ทั้งนี้คณะผู้วิจัยมีแนวคิดที่จะสร้างเครื่องจักรต้นแบบสำหรับผลิตกะปิ

        โดยมีรายละเอียดและหลักการทำงานโดยสังเขป ดังนี้

        1. ใช้พลังงานความร้อนร่วม คือ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในขณะที่มีแสงแดดปกติและใช้ความร้อนจากเชื้อเพลิงแก๊สแบบอินฟาเรดขณะที่ไม่มีแสงแดดหรือในช่วงฤดูฝน

        2. ภายในตัวเครื่องจะมีชั้นวางสำหรับตากกะปิแบบตาข่ายจำนวน 4 แผง ที่มีระบบหมุนเพื่อสลับแผงตากกะปิให้อยู่ด้านบนและด้านล่างสลับกันเพื่อให้กะปิแต่ละแผงได้รับความร้อนในปริมาณที่เท่ากันและป้องกันน้ำเคยหยดลงสู่แผงล่าง

        3. แผงตากกะปิสามารถพลิกสลับด้านก่อนขึ้นสู่ตำแหน่งบนและพลิกกลับอีกด้านเมื่อเลื่อนลงสู่ตำแหน่งล่างโดยมีระบบกลไกภายในตัวเครื่องเป็นตัวควบคุมและเมื่อพลิกสลับด้านจะมีกลไกในการล็อคตำแหน่งป้องการการพลิกของแผง 

        4. มีเซนเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้นในตัวเครื่องเพื่อส่งสัญญาณไปยังมอเตอร์เพื่อให้ปรับลดหรือเพิ่มความเร็วรอบในการหมุนของแผงตากกะปิโ

        5. มีระบบโซล่าเซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในระบบการเปิด-ปิดพัดลม

        6. ด้านล่างของเครื่องจะทำเป็นแบบลาดเอียงเพื่อให้น้ำเคยที่หยดจากการตากกะปิไหลรวมลงสู่ภาชนะเพื่อนำไปใช้ประโยชน์เป็นน้ำปลาหรือน้ำเคยสำหรับประกอบในการทำอาหาร

        งบปี พ.ศ.: 
        2564
        ภาพประกอบ: 
        เครื่องตากแห้งกะปิแบบโรตารี่ใช้พลังงานความร้อนร่วมระบบกึ่งอัตโนมัติ(RID64)
          แคตตาล็อกเทคโนโลยี
          ระดับ: 
          ต้นแบบเชิงพาณิชย์ / อุตสาหกรรม
          กลุ่มเป้าหมาย: 
          ภาคอุตสาหกรรม
          ภาพหน้าปก: 

          โครงการพัฒนาสร้างเครื่องระเหยข้นแบบบังคับให้หมุนเวียน(VCE64)

          จ, 05/04/2021 - 11:51 — bunsita
          รายละเอียด: 

          การระเหยของเหลวด้วยการให้ความร้อนสมัยใหม่หันมาใช้ระบบท่อ Shell and tube เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแลกเปลี่ยนความร้อน ในของเหลวบางชนิดเมื่อได้รับความร้อนระดับหนึ่งมีการตกผลึก หรือเป็นตะกรัน ทำให้ท่อแลกเปลี่ยนความร้อนเครื่องระเหยข้นแบบแนวนอนอุดตันทำให้ยากต่อการทำงานและซ่อมแซมรักษา ใช้เวลามากในการกลับมาทำงานแต่เครื่องระเหยข้นแบบท่อแนวตั้งใช้หลักการไหลเวียนของของเหลวด้วยความเร็วที่สูงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำและ ไม่ให้ของเหลวระเหยเดือดระหว่างภายในท่อ ทำให้ลดการเกิดภาวะการตกผลึก หรือ ตะกรัน และอุดตันในท่อ ทำให้ไม่ต้องหยุดการทำงานเพื่อซ่อมแซมรักษาและนำพลังงานความร้อนที่ได้จากการระเหยบังคับกลับมาเข้าสู่ระบบหมุนเวียนใหม่เพื่อช่วยการทำความร้อนให้กับระบบ  ซึ่งเป็นการช่วยการประหยัดพลังงานและต้นทุนในการสร้างความร้อนให้น้อยลงโดยใช้การดูดแบบสุญญากาศเข้ามาเป็นตัวดึงความร้อนจากการระเหยกลับเข้ามาสู่ในระบบใหม่อีกครั้ง         

           

          งบปี พ.ศ.: 
          2564
          ภาพประกอบ: 
          โครงการพัฒนาสร้างเครื่องระเหยข้นแบบบังคับให้หมุนเวียน(VCE64)
            แคตตาล็อกเทคโนโลยี
            ระดับ: 
            ต้นแบบเชิงพาณิชย์ / อุตสาหกรรม
            กลุ่มเป้าหมาย: 
            ภาคอุตสาหกรรม
            ภาพหน้าปก: 

            เครื่องสกัดสารสมุนไพรด้วยคลื่นไมโครเวฟ RID63

            พ, 01/07/2020 - 15:47 — admin5
            รายละเอียด: 

            ในการสกัดสารสมุนไพรของกลุ่มส่วนใหญ่ใช้วิธีการหมักสมุนไพร โดยใช้แอลกอฮอล์ 95แล้วนำไปกลั่นเพื่อสกัดสารสำคัญของสมุนไพร ซึ่งการสกัดแบบวิธีเดิมๆ ของกลุ่มประสบปัญหาคือ ได้สารสำคัญของสมุนไพรน้อย การสกัดด้วยวิธีแบบนี้ทำให้สาระสำคัญบางชนิดสูญเสียไป สมุนไพรบางชนิดต้องใช้เวลานานในการหมัก และต้องใช้ตัวทำละลายมาก ทำให้เกิดการสิ้นเปลือง ต้นทุนสูง สาระสำคัญบางชนิดได้น้อย และบางชนิดหายไป กลุ่มฯ จึงได้ปรึกษากับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร แล้วพบว่าการสกัดสมุนไพรนั้นมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับชนิดของสมุนพร กลุ่มฯ และอาจารย์ที่ปรึกษาได้ศึกษาวิธีการสกัดสารสำคัญของสมุนไพรวิธีต่างๆ จึงได้นำมาเปรียบเทียบกับวิธีการเดิมที่ทำอยู่แล้วพบว่า การสกัดด้วยคลื่นไมโครเวฟ (Microwave Extraction) มีข้อดีคือ ลดระยะเวลาในการหมัก ลดปริมาณการใช้ตัวทำละลาย การใช้คลื่นไมโครเวฟยังช่วยให้สามารถสกัดปริมาณสารสำคัญของสมุนไพรได้มากขึ้น และยังสามารถควบคุมอุณหภูมิในการสกัดได้ ทำให้กำหนดอุณหภูมิให้เหมาะสมกับสมุนไพรแต่ละชนิดได้ตามความเหมาะสม ทำให้สารสำคัญของสมุนไพรไม่สูญเสีย ด้วยสาเหตุที่ที่การสกัดด้วยวิธีดังกล่าวมีข้อดีดังที่กล่าวมาข้างต้น  กลุ่มฯ และอาจารย์ทีปรึกษา จึงได้จัดทำโครงการและขอรับการสนับสนุนเครื่องสกัดสารสมุนไพรด้วยคลื่นไมโครเวฟ เพื่อใช้ในการกระบวนการผลิตของกลุ่ม ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน เพิ่มมูลค่าสมุนไพร  และยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ของกลุ่มให้มีมาตรฐานในระดับที่สูงขึ้น  นอกจากนี้ ยังจะทำให้กลุ่มเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจ หรือผู้ผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่มีความสนใจต่อไป 

            งบปี พ.ศ.: 
            2563
              แคตตาล็อกเทคโนโลยี
              ภาพหน้าปก: 

              เครื่องผลิตผงชาปลีกล้วยพร้อมบรรจุอัตโนมัติ RID63

              พ, 01/07/2020 - 15:39 — admin5
              รายละเอียด: 

              วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกกล้วยน้ำว้าอำเภอบ้านธิ ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาธุรกิจกับทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และศูนย์นวัตกรรมการจัดการความรู้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการวิจัยและพัฒนาในส่วนของหัวปลี หรือปลีกล้วยเป็นผลิตภัณฑ์ “ชาปลีกล้วย” เป็นการเพิ่มมูลค่าปลีกล้วย จากปกติจะจำหน่ายให้กับพ่อค้าทั่วไปในราคาหัวละ 5 -10 บาท เมื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ “ชาปลีกล้วย” เพิ่มมูลค่าได้มากกว่า50 บาท หรือคิดเป็น 5 เท่า ของปลีกล้วยที่ขายโดยทั่วไป ด้านการตลาดได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคค่อนข้างดี แต่ติดขัดปัญหาในกระบวนการผลิตที่ยังไม่พร้อม เนื่องจากทำด้วยมือทั้งหมด ไม่มีการนำเครื่องจักรเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต ทำให้ผลิตได้ปริมานน้อย ไมเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ดังนั้น กลุ่มฯ จึงมีความประสงค์ขอรับการสนับสนุนเครื่องผลิตผงชาปลีกล้วยพร้อมบรรจุอัตโนมัติ เพื่อช่วยเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ช่วยลดต้นทุนการผลิต และช่วยในกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของลูกค้าต่อไป 

              งบปี พ.ศ.: 
              2563
                แคตตาล็อกเทคโนโลยี
                ภาพหน้าปก: 

                เครื่องสกัดน้ำแยกกากเสาวรส RID63

                พ, 01/07/2020 - 15:34 — admin5
                รายละเอียด: 

                วิสาหกิจชุมชนน้ำสมุนไพรใบโพธิ์ ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นน้ำเสาวรสสดพร้อมดื่ม (ผ่านกระบวนการถนอมอาหารที่สามารถเก็บรักษาได้นาน) จึงเริ่มต้นความต้องการเครื่องสกัดน้ำแยกกากเสาวรสเพื่อให้ได้กำลังการผลิตน้ำเสาวรสสด จากเดิมที่ต้องใช้แรงงานคนในการผ่าและกวักเนื้อพร้อมแยกน้ำ ทำให้ใช้กำลังคนและเวลามาก ซึ่งไม่ทันต่อฤดูกาลที่เสาวรสออกผล ดังนั้นทางผู้ประกอบการจึงได้เสนอความต้องการเครื่องสกัดน้ำแยกกากเพื่อเตรียมผลิตให้ทันต่อฤดูกาลที่เสาวรสจะออกในช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน เพื่อเก็บรักษาน้ำเสารสเพื่อไปผ่านกระบวนการรักษาอายุต่อไป   

                งบปี พ.ศ.: 
                2563
                  แคตตาล็อกเทคโนโลยี
                  ภาพหน้าปก: 

                  เครื่องปอกเปลือกลูกจันทน์เทศ RID63

                  พ, 01/07/2020 - 15:12 — admin5
                  รายละเอียด: 

                  กลุ่มแปรรูปลูกจันทร์เทศบ้านร่อนนา อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปจันทร์เทศบ้านร่อนนาเมื่อปี พ.ศ. 2549 ได้มีใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จันทร์เทศ ได้แก่ จันทร์เส้น จันทร์แช่อิ่ม จันทร์หยี จันทร์กวน โดยมีการจำหน่ายในชุมชนและได้รับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ OTOP ระดับห้าดาว เป็นการก่อให้เกิดรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนได้เป็นอย่างดี จากการสำรวจความต้องการชุมชน พบว่าวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปจันทร์เทศบ้านร่อนนา มีความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งด้านการกระบวนการผลิต ด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การประชาสัมพันธ์ และช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการปอกเปลือกลูกจันทร์เทศอาศัยแรงงานคนเป็นหลัก ซึ่งต้องใช้เวลาในการปอกเปลือกลูกจันทน์เทศมากและแรงงานหายาก ดังนั้นทางกลุ่มแปรรูปลูกจันทร์เทศบ้านร่อนนา มีความต้องการเครื่องมือหรือเครื่องจักรมาใช้ทดแทนการผลิตแบบเดิมด้วยแรงงานคน เพื่อให้สามารถเพิ่มปริมาณการผลิต ลดเวลาและแรงงานในการปอกเปลือกจันทน์เทศ จากปัญหาดังกล่าวโครงการนี้จึงมุ่งเน้นพัฒนาเครื่องปอกเปลือกลูกจันทน์เทศสำหรับการผลิตระดับชุมชน เป็นการนำนวัตกรรมมาใช้ในการผลอตระดับชุมชนเพื่อช่วยทุ่นแรงและลดการใช้แรงงานคน สามารถเพิ่มผลิตและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน 

                  งบปี พ.ศ.: 
                  2563
                    แคตตาล็อกเทคโนโลยี
                    ภาพหน้าปก: 

                    เครื่องหั่นข้าวเกรียบกรือโป๊ะ RID63

                    พ, 01/07/2020 - 15:08 — admin5
                    รายละเอียด: 

                    กือโป๊ะ” นี้เป็นอาหารขบเคี้ยวชนิดหนึ่ง ที่ชาวนรานิยมกินกันมานมนาน มีความเป็นมาจากที่       จ.นราธิวาสเมื่ออดีตมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ชาวประมงสามารถทำประมงจับปลาได้เป็นจำนวนมาก และก็คิดหาวิธีการที่จะทำอย่างไรดีกับปลาที่จับมาได้เยอะ จึงได้คิดหาวิธีถนอมอาหารขึ้นมา โดยการนำเอาปลานั้น มาแปรรูปเป็นข้าวเกรียบที่สามารถเก็บไว้กินได้นาน 

                    การทำ กือโป๊ะ” นั้นจะทำมาจากเนื้อปลาสดๆอย่างปลาทู หรือปลาชนิดอื่นๆ อันอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอาหาร โดยจะนำปลามาตัดหัวตัดหางล้างทำความสะอาดอย่างดี แล้วนำมาบดให้ละเอียด ผสมคลุกเคล้ากับส่วนผสมอย่างแป้งสาคู แป้งมัน และเกลือ นวดคลุกเคล้าให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงนำมาปั้นเป็นแท่งทรงกลม และนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุก จากนั้นก็นำขึ้นมาผึ่งลมจนแห้งและแช่เย็น เพื่อให้แท่งข้าวเกรียบแข็งตัวง่ายต่อการนำมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ แล้วจึงนำมาทอดในน้ำมันร้อนๆ ทอดจนข้าวเกรียบเหลืองกรอบ ก็พร้อมบรรจุใส่ถุงขาย กือโป๊ะ เป็นของกินเล่นที่ได้รับการนิยมรับประทาน และเป็นของฝากจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้กือโป๊ะ เป็นธุรกิจทำเงินมหาศาลในแต่ละปี 

                    ด้วยเหตุนี้ทางผู้วิจัย จึงเกิดความสนใจที่จะศึกษาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับกระบวนการทำกือโป๊ะ เพื่อส่งเสริมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน สามารถนำไปจำหน่าย และเป็นการถ่ายทอดเพื่อเป็นการสืบสานองค์ความรู้และภูมิปัญญาของไทยด้านการทำข้าวเกรียบกือโป๊ะใหเป็นที่รู้จักแก่ประชาชนทั่วไปให้อยู่คู่กับภาคใต้หรือประเทศไทยสืบต่อไป 

                     

                    งบปี พ.ศ.: 
                    2563
                      แคตตาล็อกเทคโนโลยี
                      ภาพหน้าปก: 
                      เนื้อหาแหล่งข่าว