วิเคราะห์ญี่ปุ่น การพัฒนาประเทศอันอัศจรรย์

No replies
admin5
Offline
Joined: 05/06/2012

การจะวิเคราะห์ความสำเร็จของชนชาติหรือประเทศนั้น ที่จริงจะต้องอาศัยการศึกษาเบื้องลึกถึงประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมาก แต่ในที่นี้ เพื่อความกระชับของเนื้อหา และการมุ่งเน้นที่ประเด็นสำคัญเพื่อประโยชน์ต่อการเรียนรู้และนำมาปรับใช้ของเรา ผมจึงจะค้นคว้าข้อมูลย้อนไปที่ไม่ลึกมากนัก แต่จะจับประเด็นที่ปัจจัยที่ทำให้ชาติเหล่านั้นสามารถขึ้นมาประสบความสำเร็จในเวทีโลกได้เท่านั้น



ญี่ปุ่นก็คงเป็นชาติหนึ่งที่พอพูดถึงเรื่องการพัฒนาประเทศ จะถูกนึกถึงเป็นชาติแรกๆ เพราะญี่ปุ่นสามารถพลิกฟื้นประเทศจากการเป็นประเทศแพ้สงคราม หลังจากโดนสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ เพียงในเวลาแค่ 40-50 ปี ให้กลับมาผงาดเป็นประเทศชั้นนำของโลกได้อีกครั้งหนึ่ง



ญี่ปุ่นเป็นแม้เป็นประเทศเกาะที่มีพื้นที่ไม่มาก ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายดินแดนในอดีต แต่ก็กลับมีข้อดีในด้านความเป็นเอกภาพของคนในชาติไม่ได้มีเชื้อสายอื่นมาปนมากนัก ญี่ปุ่นจึงเป็นประเทศที่เหมาะต่อการปลูกฝังความเป็นชนชาติได้อย่างดียิ่ง ความเชื่อของคนญี่ปุ่นที่มีมาแต่โบราณก็คือ พวกเขาเป็นชนชาติเดียวที่สืบเชื่อสายมาจากพระอาทิตย์(ซึ่งเปรียบเหมือนลูกของพระเจ้า) ชาวญี่ปุ่นจึงทะนงตนในความสำคัญของตนเองมาแต่โบราณ และญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีพื้นฐานมาจากการเป็นอำนาจนิยมและศักดินามากๆ ดูจากการมีการปกครองที่องค์จักรพรรดิเป็นศูนย์กลางพระองค์เดียว (และมีโชกุน เป็นผู้สำเร็จราชการแทน) มีการยึดมั่นในลำดับชั้นการปกครอง มีชนชั้นซามูไร(นักรบ) และมีการแบ่งแยกระหว่างชาย-หญิง คือ ผู้หญิงจะต้องเป็นแม่บ้านและไม่มีสิทธิมีเสียงในการปกครอง



 



ด้วยความเป็นประเทศเกาะดังกล่าว ญี่ปุ่นจึงไม่ค่อยได้สู้รบกับชาติอื่นๆ เพื่อแก่งแย่งดินแดนมากนัก มีแต่การทำการค้าขายระหว่างประเทศเท่านั้น และหลังจากมีการแพร่กระจายของศาสนาคริสต์ที่มาพร้อมกับพวกฝรั่ง โชกุนจึงมีนโยบายปิดประเทศไม่ค้าขายกับต่างชาติเพราะกลัวถูกแทรกซึมจากชาติตะวันตก แต่สุดท้ายก็ถูกบีบให้เปิดประเทศค้าขายอีกในภายหลัง โดยต้องทำสนธิสัญญาที่เอื้อประโยชน์ต่อชาติตะวันตกอย่างมาก



ภายหลังจากการแผ่อาณาจักรของรัสเซียที่เอาชนะมองโกเลีย จนมาประชิดติดชายฝั่งตรงข้ามกับญี่ปุ่น และด้วยภาวะกดดันทางด้านต่างชาติหลายๆ ประการ ทำให้ผู้นำญี่ปุ่นตัดสินใจปลดแอกประเทศออกจากการควบคุมของชาวต่างชาติ และยังตัดสินใจข้ามมาทำสงครามกับประเทศบนแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ กับญี่ปุ่น เช่น จีน รัสเซีย แมนจูเลีย และเกาหลี ซึ่งสิ่งนี้เองอาจเรียกได้ว่าเป็น”จุดเปลี่ยน”หนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เพราะพวกเขาได้ลิ้มรสของความสำเร็จระดับนานาชาติ พวกเขาชนะและได้เข้ายึดบางส่วนของประเทศเหล่านี้ จนกลายเป็นจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่สร้างความโดดเด่นขึ้นมาในเวทีโลก พวกเขามั่งคั่งขึ้นจากการครอบครองดินแดนของประเทศอื่น คนญี่ปุ่นไม่คิดและรู้สึกว่าตนอ่อนแอกว่าชาติตะวันตกอีกต่อไป



เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 อุบัติขึ้น ญี่ปุ่นก็ตัดสินใจเข้าสู่สงครามและกลายเป็นผู้ชนะในสงครามโลกครั้งนี้ พวกเขาเอาชนะชาติมหาอำนาจเก่าอย่างเยอรมันได้ ญี่ปุ่นจึงยิ่งใหญ่ขึ้นอีก ทั้งอำนาจทางทหารและอำนาจทางเศรษฐกิจ กลายเป็นประเทศ 1 ใน 5 มหาอำนาจใหม่ แต่จากจุดนี้เองที่อาจนำไปสู่การดำเนินนโยบายผิดพลาด อาจเหมือนคนที่เหลิงตัวเอง จากการที่ได้ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ตั้งแต่ช่วงแรกๆ และยังไม่เคยประสบความล้มเหลว จึงทำให้ญี่ปุ่นตัดสินใจเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 และโจมตีสหรัฐอเมริกาก่อนที่เพิร์ลฮาเบอร์ โดยในคราวนี้กลับไปจับมือกับเยอรมันเป็นฝ่ายอักษะที่เข้ายึดครองเอเชียแปซิฟิค และเอเชอาคเนย์



แต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่อเมริกาซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำฝ่ายพันธมิตรได้คิดค้นระเบิดปรมาณูหรือนิวเคลียร์ได้สำเร็จ และนำไปทิ้งที่เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ จนทำให้ญี่ปุ่นต้องประกาศยอมแพ้ และนำมาซึ่งการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 ไปพร้อมๆ กับเยอรมันด้วย และการยอมแพ้ครั้งนี้ทำให้ญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศในเอเชียอาคเนย์ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของอเมริกาและพันธมิตรเป็นระยะเวลาหลายปี



ในปี 1952 หรืออีก 7 ปีต่อมา ญี่ปุ่นจึงถูกปลดปล่อยเป็นอิสระแก่ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง โดยคราวนี้อาจเป็นเพราะบทเรียนจากสงครามและความสูญเสีย จึงทำให้ญี่ปุ่นหันหลังให้สงครามแล้วมาพัฒนาประเทศด้านเศรษฐกิจแทน โดยในระยะเวลาเกือบ 40 ปี ตั้งแต่ได้รับอิสรภาพ ญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองน้อยมาก โดยมีพรรคการเมืองเพียงสองพรรค และมีพรรค Liberal Democratic Party หรือ LDP เป็นพรรคใหญ่ที่บริหารประเทศมาโดยตลอด และในช่วงนี้เองที่ญี่ปุ่นได้สร้างความมหัศจรรย์ขึ้นคือ ก้าวขึ้นจากประเทศแพ้สงครามมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกโดยใช้เวลาเพียง 30-40 ปีเท่านั้น อีกทั้งญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีพื้นที่กว้างใหญ่หรือมีประชากรมากมายที่มักเป็นตัวช่วย(ตามกฎของพื้นที่) อย่างในประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย



 





Jimmy’s Analysis



จากการมองประวัติศาสตร์ของชนชาติญี่ปุ่นนี้ จึงอาจนำมาวิเคราะห์ถึงปัจจัยของความสำเร็จของพวกเขาได้ดังนี้



1.มีพื้นฐานความเป็นชาตินักสู้เป็นเบื้องต้น รวมทั้งการเชื่อว่าตนมีกำเนิดมาจากพระอาทิตย์ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นในตนเอง ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าชาวต่างชาติตะวันตก และเป็นชาติที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำงานหนัก

2.ได้รับแรงเสริมจากการทำสงครามกับประเทศข้างเคียงและชนะ จนกลายเป็นจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่ขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจทางทหารอีกชาติหนึ่งในยุคนั้น จึงเท่าไปกับเสริมความคิด ความเชื่อว่าตนเป็นชาติที่มีความสามารถเข้าไปอีกให้มั่นคงยิ่งขึ้น

3.ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีความเป็นชาตินิยมสูงมาก ไม่มีชนชาติอื่นปนมากนัก และมีความเชื่อในเรื่องความยึดมั่นต่อชาติ ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ ทำให้คนส่วนใหญ่ในประเทศทำงานเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก เมื่อมีสินค้าก็สนับสนุนสินค้าของคนในประเทศก่อน ญี่ปุ่นจึงสร้างสินค้าของตนเองได้เกือบทุกชนิด และได้รับการสนับสนุน ซึ่งสินค้าหลายๆ ชนิดนอกจากจะกลายเป็นการลดการขาดดุลการค้าแล้วยังนำเงินเข้าประเทศด้วย เช่น รถยนต์ (ซึ่งจะเห็นได้ว่า คนในประเทศเราจะตั้งแง่กับสินค้าของไทยกันเองมากกว่า โดยอ้างว่าไม่ได้คุณภาพ)

4.เนื่องจากญี่ปุ่นเปลี่ยนจากผู้ยิ่งใหญ่ที่มาประสบความพ่ายแพ้ของประเทศ ผมเชื่อว่านี่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนในประเทศร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาประเทศ(เป็นจิตวิทยาสังคมที่อาจเกิดได้กับทุกประเทศที่เคยยิ่งใหญ่แล้วกลับมาล้มเหลว) คนรุ่นหลังสงครามที่เรียกว่า baby boomer นั้นเป็นคนที่เกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ลำบาก จึงอดทนทำงานหนัก และประหยัด ต่างคนต่างมุ่งที่จะฟื้นฟูฐานะของครอบครัวและประเทศ

5.ช่วงหลังสงครามโลก ญี่ปุ่นมีนโยบายชัดเจนคือ มุ่งที่เรื่องเศรษฐกิจเป็นหลัก และถูกบริหารโดยพรรคการเมืองพรรคเดียว(พรรคLDP)มาตลอดจนถึงช่วงปี 1990 นโยบายจึงไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปมา ทำให้เกิดการสานต่อทางนโยบาย

6.อีกส่วนหนึ่งที่ผมคิดว่าน่าจะมีส่วนช่วยด้วยก็คือ ประชากร การที่มีประชากรมากก็เท่ากับมีโอกาสที่จะมีคนเก่งๆ มากขึ้น(หากรัฐสนับสนุนด้านการศึกษาด้วย) ญี่ปุ่นมีประชากรประมาณ 127 ล้านคน มากกว่าประเทศไทยประมาณหนึ่งเท่าตัว ในขณะที่มีพื้นที่ของประเทศน้อยกว่า และคุณภาพของประชากรนี้สำคัญมาก สำหรับประเทศที่มีโอกาสด้านทรัพยากรน้อย (เช่นเดียวกับประเทศเล็กๆ อื่นๆ เช่น สิงคโปร์ หรือฮ่องกง)



นิสัยของคนคือปัจจัยสำคัญอันแรกสุดที่จะสร้างความสำเร็จในระดับบุคคล และนิสัยของคนส่วนใหญ่ในชนชาติก็เป็นปัจจัยสำคัญอันแรกสุดที่จะสร้างความสำเร็จระดับชาติเช่นกัน โดยมีเรื่องขนาดและทำเลของพื้นที่เป็นปัจจัยช่วยที่สำคัญอีกด้านหนึ่ง



ญี่ปุ่นเป็นประเทศเกาะเล็กๆ ที่มีคุณภาพของประชากรมาก ทั้งนิสัยการทำงานและทักษะการทำงาน จึงสามารถสร้างประเทศได้รวดเร็ว แม้ว่าในปัจจุบัน เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปและอาจทำให้นิสัยของคนรุ่นใหม่นั้นเปลี่ยนไป แต่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว ก็จะทำให้พวกเขามีความได้เปรียบประเทศอื่นๆ ที่ตามหลังมาเป็นอย่างมาก